วันพฤหัสบดี, มกราคม 28, 2553
หาอะไรเป็นของขวัญให้ความสำเร็จของตัวเองดี
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสามารถประสบความสำเร็จจากการกระทำบางสิ่งบางอย่าง โดยอาศัยความพยายามอย่างหนักหน่วงของคุณ งานฉลองสุดพิเศษ หรือรางวัลสำหรับความสำเร็จซักชิ้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าความสำเร็จนั้นจะเล็กน้้อยหรือยิ่งใหญ่ เพราะอย่างน้อยสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงขับให้กับความพยายามของเรา
แต่จะทำอย่างไรหล่ะ ถึงจะเรียกว่าเป็นการให้รางวัลตัวเองจากความมุมานะ พยายาม วันนี้ มีไอเดียสุดสร้างสรรค์ในการฉลองความสำเร็จให้กับตัวเองมาฝาก
1.ยอมตามใจตัวเองบ้าง
การกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัวในภัตตรคารหรือร้านอาหารสุดโปรด บางครั้งก็เป็นความสุขที่คุณสามารถหาได้ง่ายๆ แต่จะให้ครบสูตรวันสุดพิเศษนี้คุณอาจตามใจปากตัวเองด้วยเมนูสุดโปรด
2.ดื่มฉลองเพื่อความสำเร็จ
จะเป็นเครื่องดื่มอะไรก็ได้ แน่นอนว่ามันไม่มีสูตรตายตัวว่าถ้าเรียนจบต้องฉลองด้วยแชมเปญ หรือได้แต่งงานต้องฉลองด้วยไวน์ ดังนั้นเลือกเครื่องดื่มเพื่อฉลองได้ตามใจคุณ
3.ปรนนิบัติตัวเองบ้าง
นานทีปีหน คุณอาจให้รางวัลตัวเองด้วยการเดินเข้าไปทำสปา หรือนวดผ่อนคลายความเครียด ขอแนะนำว่าคุณควรเลือกไปในวันที่ไม่เร่งรีบ เป็นวันสบายๆองคุณ เพื่อให้คุณได้มีโอกาสเต็มอิ่มกับประสบการณ์สุดพิเศษนี้
4.ออกนอกเมือง
อาจจะหาวันสบายๆซัก 1- 2วัน แล้วเช็คอินเข้าไปในโรงแรมสุดหรู เพื่อใช้ชีวิตยามราตรีของคุณแบบผ่อนคลายสุดๆ ให้ร่างกายและจิตใจของคุณได้พักผ่อนแบบเต็มอื่ม เตรียมรับกับความท้าทายใหม่ๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ
5. ออกไปท่องเมือง
ควงแขนเพื่อนร่วมแก็งค์แล้วย่ำไปทั่วเมืองในทุกทีที่คุณปรารถนาให้ซะใจ เต็มที่กับทุกกิจกรรมเพื่อความบันเทิงตั้งแต่เช้ายันค่ำ
6.ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุหร่ายซักวัน
เคยมั้ยที่คุณกำลังจะมีความสุขสุดๆกับอะไรบางอย่าง แต่ต้องเก็บงำเอาไว้ด้วยขีดจำกัดเรื่องอำนาจในการซื้อ ดังนั้นนี่จึงเป้นโอกาสดีที่คุณจะให้รางวัลตัวเองด้วยการซื้อของมีค่าราคาแพงให้ตัวเอง
7.นอนหลับพักผ่อน
หากคุณต้องอดตาหลับขับตานอนมาตลอด เพื่อปลุกปั้นผลงานชิ้นโบแดงให้ออกมาสำเร็จสมบูรณ์ รางวัลชิ้นหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลยมอบให้ตัวเอ คือ การนอนหลับแบบเต็มอิ่ม พักผ่อนแต่หัวค่ำ
8.สร้างแบบฉบับเฉพาะให้กับงานปาร์ตี้ของคุณ
ลองดูซิว่ามันจะดีแค่ไหน หากคุณผ่านช่วงเวลาสุดแสนยากลำบากมา แล้ววันหนึ่งความสำเร็จนั้นมันได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานปาร์ตี้สุดพิเศษของคุณ เช่น หากคุณเพิ่งเขียนหนังสือจด 1 เล่ม ธีมงานเลี้ยงของคุณอาจเลือกกิมมิก เกี่ยวกับการอ่านมาเป็นธีมสำคัญของงาน เป็นตน ขอย้ำว่าปารตี้จะหลุดโลกแค่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่จินตนาการของคุณไปถึง
วันอังคาร, มกราคม 19, 2553
อุณหภูมิของความสุข
อุณหภูมิองศาในชีวิตของเรา..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของอารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา..
บางครั้งก็สูง...บางครั้งก็ต่ำ..
อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บางครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์..
อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป..
จะพบว่า..
อุณหภูมิที่สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..
หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย..
อุณหภูมิของความโลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..
ถ้าอุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..
และถ้าอุณหภูมิของความหลงสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความหลงผิด..ติดอยู่ในหัวใจเรา..
แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา..
ประกอบไปด้วย..
ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..
ต่ำลง..หรือลดน้อยลง..
ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..
อุณหภูมิของความสุขก็เช่นเดียวกัน..
หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของเราลดลง..
หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเ รา..
ให้ได้ระดับปกติกึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ..
คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์..
หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ..
แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จักวิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น..
รู้เท่าทันอารมณ์..อย่างเข้าใจ..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของอารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา..
บางครั้งก็สูง...บางครั้งก็ต่ำ..
อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บางครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์..
อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป..
จะพบว่า..
อุณหภูมิที่สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..
หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย..
อุณหภูมิของความโลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..
ถ้าอุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..
และถ้าอุณหภูมิของความหลงสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความหลงผิด..ติดอยู่ในหัวใจเรา..
แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา..
ประกอบไปด้วย..
ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..
ต่ำลง..หรือลดน้อยลง..
ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..
อุณหภูมิของความสุขก็เช่นเดียวกัน..
หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของเราลดลง..
หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเ รา..
ให้ได้ระดับปกติกึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ..
คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์..
หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ..
แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จักวิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น..
รู้เท่าทันอารมณ์..อย่างเข้าใจ..
วันพฤหัสบดี, มกราคม 07, 2553
โรคแพ้ความใกล้ชิด
ศัพท์ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า
"thinking more than....spectolocomotif"
มีต้นกำเนิดจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พบได้ทั่วไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก
แต่ได้รับรายงานส่วนใหญ่ว่า
โรคนี้จะเกิดกับคนที่อ่อนแอทางจิตใจขั้นรุนแรง อาการเบื้องต้นของโรคนี้เริ่มจากเชื้อพาหะจะเข้ามาใกล้
สร้างความสนิทสนมกันตามประสาคนรู้จัก
แต่จะส่งผลถึงคลื่นไฟฟ้าในสมอง
ซึ่งจะแปรเปลี่ยนคลื่นความถี่จากความรู้สึกธรรมดาฉันท์เพื่อน พี่ น้อง ให้เป็นตามที่ใจตนเองต้องการ
ต่อจากนั้น เมื่อเชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว
จะกระจายตัวอย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาอันสั้น
ซึ่งจะแปรตามความสัมพันธ์ที่มีมากหรือน้อยระหว่างผู้รับเชื้อกับผู้แพร่เชื้อ
ยิ่งมีมาก เชื้อก็จะยิ่งแพร่กระจายได้ไกล
โดยที่สภาพอากาศมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ด้วย
ฤดูฝน มีคนโทรมาห่วงว่ากลัวจะเป็นหวัด : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 30%
ฤดูหนาว มีคนสัมผัสมือแก้หนาว : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 70%
ฤดูร้อน มีคนชวนไปเที่ยวทะเล : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 25%
อาการของโรคนี้ โดยมากแล้วจะเริ่มจากการคิดเข้าข้างตัวเอง
จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอ่อนแอทางจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จะส่งผลกระทบต่อไปถึงชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นสายเพราะมัวคุย
ทางองค์การอนามัยโลก
จัดให้เป็นโรคที่อันตรายอีกโรคหนึ่ง
เพราะได้มีผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ติดเชื้อเอง
ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลการวิจัยของสถาบันการแพทย์ชั้นนำ
ได้ข้อสรุปตรงกันว่า โรคแพ้ความใกล้ชิดนั้น
อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับตัวผู้รับเชื้อเอง
หากเกิดอาการอ่อนแอทางจิตใจยิ่งมีมากเท่าไหร่
อาการของโรคนี้ก็จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ผลกระทบจากโรคนี้คือ
เมื่อเชื้อโรคได้แพร่เข้าสู่หัวใจโดยทางเส้นเลือดนั้น
จะทำให้เกิดอาการท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง โทษตัวเอง น้อยใจชีวิต
ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถที่จะหาวัคซีนป้องกันได้
เพราะเนื่องจากเชื้อนี้เป็นไวรัส ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้
ทำให้โรคนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นๆ หายๆ
ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นอีกเมื่อไหร่ และจะหายเมื่อไหร่
ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้นว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด
แพทย์หลายท่านระบุว่า " เวลา"
จะเป็นยารักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)