วันอาทิตย์, สิงหาคม 15, 2553







วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 12, 2553

R o s a c e a
โร-เซย์-ชา(เป็นชื่อโรคชนิดหนึ่งเพิ่มเติม)

2010.04.28 03:39

나에겐 친구가 하나 있다
ผมมีเพื่อนอยู่คนนึง

한국어는 서툴지만 중국어를 굉장히 잘한다
แม้ภาษาเกาหลีจะไม่ได้เรื่องแต่ภาษาจีนเก่งมาก
노래는 그냥 잘하지만 춤은 진짜 잘춘다
การร้องเพลงก็พอใช้ได้แต่การเต้นนั้นเยี่ยมสุดๆ
나는 고양이를 좋아하지만 그 친구는 강아지를 좋아한다
ผมชอบแมว แต่ เพื่อนคนนั้นชอบหมา
나는 요리를 못하지만 그 친구는 요리를 잘한다
ผมทำอารหารไม่เป็น แต่ เพื่อนคนนั้นทำอาหารเก่งมาก
난 맨날 욕을 했지만 그 친구는 웃어줬다
ผมชอบด่าเขาอยู่เสมอ แต่ เพื่อนคนนั้นก็ยังยิ้มให้

참..
เพราะงั้น..
지나고보니 잘해준게 하나도 없다ㅋㅋ
ผมคงหาเพื่อนที่ดีอย่างนี้ไม่ได้อีกㅋㅋ

진짜 미안하게..
ขอโทษจริงๆ..
옆에 있을 때 잘해준게 하나도 없다ㅋㅋ
ผมไม่มีเพื่อนที่ดีอยู่เคียงข้างอีกต่อไปㅋㅋ

별로 궁상떠는 성격은 아닌데..
ปกติแล้วผมไม่ได้เป็นคนร้องไห้จนตัวสั่นขนาดนี้หรอก..
그냥 취했나보다 눈물이 나는 걸 보니까ㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ
ㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ
ที่เห็นน้ำตาผมแบบนี้น่ะแค่เพราะผมเมาเท่านั้นแหละㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ
ㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ

옆에 누군가 있다는 건 굉장히 소중하고 행복한 거다
จากนี้ไปผมจะทำตัวให้เป็นคนที่มีค่าและมีความสุข
난 나이를 먹고 어른이 되어도 그걸 몰랐었다
แม้ว่าผมจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็มีสิ่งที่ผมยังไม่เข้าใจ

근데
แต่
뒤늦게.... 이제야 알았다.. 나참..ㅋㅋㅋㅋ
มันสายเกินไป..ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว..ผมน่ะ.. ㅋㅋㅋㅋ

있을때 잘하란 말이 괜히 있는게 아닌가 보다^-^
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอให้โชคดี^-^


보고싶다.. 라는 말이 이럴 때 쓰는 건가 보다(-┏)
คิดถึง..เกินกว่าที่จะเขียนออกมาเป็นคำพูด(-┏)

슬픈 씬 찍을 때도 잘 안나던 눈물이
ตอนถ่ายฉากเศร้าน้ำตาผมยังไม่ไหลออกมามากมายขนาดนี้
지금은 너무도 아프게 흐른다
ตอนนี้ ผมเจ็บปวดมากๆเลย

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 23, 2553

ดีไม่ดี.....ยากที่จะบอก


Once upon a time, there was a king.

The king liked one of his followers very much

because he was very wise and always gave very useful advice.

Therefore the king took him along wherever he went.

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง
พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก
และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆ ที่

One day, the king was bitten by a dog,

the finger was injured and the wound was getting worse.

He asked the follower if that was a bad sign.

The follower said, 'Good or bad, hard to say'.

แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก
พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า "ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก"

In the end, finger of the king was too bad that had to be cut.

The king asked the follower again if that was a bad sign. Again,

the follower gave the same answer, 'Good or bad, hard to say'.

และในที่สุด
พระราชาก็ถูกตัดนิ้วและพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า
นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า "ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก"

The king became very angry and sent the follower to prison.

พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก

One day, the king went hunting in the jungle.

He got excited when he was

on the chase of a deer.

Deeper and deeper he went inside the jungle.

วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์
พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก
แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ

In the end he found himself lost in the jungle.

To make things worse,

he got captured by the native people lived inside the jungle.

เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว
แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น
พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น

They wanted to sacrifice him to their god.

But when they noticed that the king had one finger short,

they released him immediately as he was

not a perfect man anymore and not suitable for sacriface.

คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ
แต่พวกเขาก็พบว่า
พระราชานิ้วขาดจึงรีบปลดปล่อยพระราชา
เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย
และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ

The king managed to get back to his palace after all.

พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด

And he finally understood the follower's wise quote,

'Good or bad, hard to say'.

If he hadn't lost one finger,

he could have been killed by the native people.

และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า
"ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก"
เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์
พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน

He ordered to release the follower,

and apologized to him.

พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา

But to the king's amaze,

the follower was not mad at him at all.

Instead, the follower said,

แต่พระราชากลับประหลาดใจ
เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย
ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า

'It wasn't a bad thing that you locked me up.' Why?

Because if the king hadn't locked the follower up,

he would have brought the follower along to the jungle.

If the native found that the king was not suitable, they

would have used the follower.

มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ
เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้
ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ
ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่

Again, the quote 'Good or bad, hard to say' stands.

อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก

The moral of the story is that everything that happens in this world,

there is no absolute good or bad.

เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้
ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือไม่ดี

Sometimes good things turned out to be bad things eventually,

while bad things become a gain.

บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย
ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้

Whatever good things that happen to you,

enjoy it, but don't have to hold too tight to it,

treat it as a surprise in your life.

สิ่งดีๆ อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา
จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน
จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ

Whatever bad things that happen to you,

don't have to feel too s a d or despair , in the end,

it might not be a total bad thing after all.

อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ
ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจในตอนท้าย
มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย

If one can understand this, he or she will find life much easier

ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่า
การใช้ชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

--

--

***ความดีมีไว้ไม่ตาย***
แต่ถ้าตาย...ความดีจะยังคงอยู่
...ตลอดไป...

วันศุกร์, กุมภาพันธ์ 12, 2553

30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต


30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต

• 1. ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นในแต่ละวัน
• 2. ไปเที่ยวที่ที่คุณไม่เคยไป กับคนที่คุณไม่เคยคิดจะลืม
• 3. ซื้อความสุข ด้วยรอยยิ้ม
• 4. คุยกับคนแปลกหน้า เพื่อหาเพื่อนใหม่

• 5. ช่วยคนอื่น เมื่อคุณสามารถช่วยได้
• 6. สังเกตสิ่งรอบๆตัว อาจพบความสุขเล็กๆ เข้ามาในชีวิต
• 7. อยู่เงียบๆ กับตัวเองวันละ 5 นาที... เพื่อคิด
• 8. ทุ่มตัวเองเต็มที่ กับการหาทางแก้ปัญหา ที่คุณกำลังเผชิญอยู่

• 9. คบคนที่มองโลกในแง่ดี
• 10. เข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม ในเรื่องที่คุณสนใจ
• 11. จัดเวลา นัดเจอ เพื่อนสนิท ในแต่ละเดือน ไป กิน เที่ยว เล่น
• 12. มองพระอาทิตย์ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง

• 13. ดูพระอาทิตย์ตกดิน สัปดาห์ละครั้ง
• 14. ปลูกผักเอง เอาไว้ทานเอง
• 15. ไปหาเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี
• 16. หยุดตามกระแสสักนิด และทำตามแนวคิดที่เหมาะสำหรับตัวเอง

• 17. บอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป
• 18. ค้นหา ประสบการณ์ดีๆ แปลกใหม่ ให้กับชีวิต
• 19. เลิกกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี และมีความสุขในสิ่งที่คุณมี
• 20. โรแมนติก ทำเซอร์ไพรซ์คนที่คุณรัก

• 21. หยุดเสียเวลา กับเรื่องหยุมหยิมที่ไม่จำเป็น
• 22. รับประทานอาหารให้ช้าลง ลิ้มรสความอร่อย
• 23. ขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการ เพราะคุณจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ หากไม่เอ่ยปาก
• 24. ถามคำถาม เมื่อสงสัย... ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากใจ

• 25. เล่นสนุกบ้าง ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว
• 26. ทำอะไรทีละอย่าง จะได้ทำออกมาได้ดี
• 27. ฝึกความพอเพียง – พอดี เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ จะไม่มีใคร เอาไปจากคุณได้
• 28. รักษาสัญญา

• 29. ดูตลก ฟังเรื่องตลก และแบ่งปันกับคนอื่น
• 30. เปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ของคุณ กับงานศิลปะ เช่นดนตรี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ฯลฯ

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 02, 2553

ความสุขที่สุดในโลก



คนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่คนที่ร่ำรวย

คนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ

แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลก คือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง

และความหมายของความสบายใจ คือ

1. เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี และคุณทำได้

2. รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ

3. ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น

4. เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ

5. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน

6. กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ

7. มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมายคุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย

8. มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

9. นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง

10. เติมสีสันสร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้างรู้จักหยอกล้อคนอื่นๆ และตัวเองด้วย

ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง

ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ

ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!!

วันพฤหัสบดี, มกราคม 28, 2553

หาอะไรเป็นของขวัญให้ความสำเร็จของตัวเองดี


เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสามารถประสบความสำเร็จจากการกระทำบางสิ่งบางอย่าง โดยอาศัยความพยายามอย่างหนักหน่วงของคุณ งานฉลองสุดพิเศษ หรือรางวัลสำหรับความสำเร็จซักชิ้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าความสำเร็จนั้นจะเล็กน้้อยหรือยิ่งใหญ่ เพราะอย่างน้อยสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงขับให้กับความพยายามของเรา

แต่จะทำอย่างไรหล่ะ ถึงจะเรียกว่าเป็นการให้รางวัลตัวเองจากความมุมานะ พยายาม วันนี้ มีไอเดียสุดสร้างสรรค์ในการฉลองความสำเร็จให้กับตัวเองมาฝาก

1.ยอมตามใจตัวเองบ้าง

การกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัวในภัตตรคารหรือร้านอาหารสุดโปรด บางครั้งก็เป็นความสุขที่คุณสามารถหาได้ง่ายๆ แต่จะให้ครบสูตรวันสุดพิเศษนี้คุณอาจตามใจปากตัวเองด้วยเมนูสุดโปรด

2.ดื่มฉลองเพื่อความสำเร็จ

จะเป็นเครื่องดื่มอะไรก็ได้ แน่นอนว่ามันไม่มีสูตรตายตัวว่าถ้าเรียนจบต้องฉลองด้วยแชมเปญ หรือได้แต่งงานต้องฉลองด้วยไวน์ ดังนั้นเลือกเครื่องดื่มเพื่อฉลองได้ตามใจคุณ

3.ปรนนิบัติตัวเองบ้าง

นานทีปีหน คุณอาจให้รางวัลตัวเองด้วยการเดินเข้าไปทำสปา หรือนวดผ่อนคลายความเครียด ขอแนะนำว่าคุณควรเลือกไปในวันที่ไม่เร่งรีบ เป็นวันสบายๆองคุณ เพื่อให้คุณได้มีโอกาสเต็มอิ่มกับประสบการณ์สุดพิเศษนี้

4.ออกนอกเมือง

อาจจะหาวันสบายๆซัก 1- 2วัน แล้วเช็คอินเข้าไปในโรงแรมสุดหรู เพื่อใช้ชีวิตยามราตรีของคุณแบบผ่อนคลายสุดๆ ให้ร่างกายและจิตใจของคุณได้พักผ่อนแบบเต็มอื่ม เตรียมรับกับความท้าทายใหม่ๆที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ

5. ออกไปท่องเมือง

ควงแขนเพื่อนร่วมแก็งค์แล้วย่ำไปทั่วเมืองในทุกทีที่คุณปรารถนาให้ซะใจ เต็มที่กับทุกกิจกรรมเพื่อความบันเทิงตั้งแต่เช้ายันค่ำ

6.ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุหร่ายซักวัน

เคยมั้ยที่คุณกำลังจะมีความสุขสุดๆกับอะไรบางอย่าง แต่ต้องเก็บงำเอาไว้ด้วยขีดจำกัดเรื่องอำนาจในการซื้อ ดังนั้นนี่จึงเป้นโอกาสดีที่คุณจะให้รางวัลตัวเองด้วยการซื้อของมีค่าราคาแพงให้ตัวเอง

7.นอนหลับพักผ่อน

หากคุณต้องอดตาหลับขับตานอนมาตลอด เพื่อปลุกปั้นผลงานชิ้นโบแดงให้ออกมาสำเร็จสมบูรณ์ รางวัลชิ้นหนึ่งที่คุณไม่ควรละเลยมอบให้ตัวเอ คือ การนอนหลับแบบเต็มอิ่ม พักผ่อนแต่หัวค่ำ

8.สร้างแบบฉบับเฉพาะให้กับงานปาร์ตี้ของคุณ

ลองดูซิว่ามันจะดีแค่ไหน หากคุณผ่านช่วงเวลาสุดแสนยากลำบากมา แล้ววันหนึ่งความสำเร็จนั้นมันได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานปาร์ตี้สุดพิเศษของคุณ เช่น หากคุณเพิ่งเขียนหนังสือจด 1 เล่ม ธีมงานเลี้ยงของคุณอาจเลือกกิมมิก เกี่ยวกับการอ่านมาเป็นธีมสำคัญของงาน เป็นตน ขอย้ำว่าปารตี้จะหลุดโลกแค่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่จินตนาการของคุณไปถึง

วันอังคาร, มกราคม 19, 2553

อุณหภูมิของความสุข

อุณหภูมิองศาในชีวิตของเรา..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของอารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา..
บางครั้งก็สูง...บางครั้งก็ต่ำ..


อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บางครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์..

อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป..
จะพบว่า..
อุณหภูมิที่สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..


หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย..

อุณหภูมิของความโลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..


ถ้าอุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..


และถ้าอุณหภูมิของความหลงสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความหลงผิด..ติดอยู่ในหัวใจเรา
..


แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา..
ประกอบไปด้วย..
ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง..

ต่ำลง..หรือลดน้อยลง..
ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..

อุณหภูมิของความสุขก็เช่นเดียวกัน..
หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของเราลดลง..


หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเ รา..
ให้ได้ระดับปกติกึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ..
คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์..
หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ..


แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จักวิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น..
รู้เท่าทันอารมณ์..อย่างเข้าใจ..

วันพฤหัสบดี, มกราคม 07, 2553

โรคแพ้ความใกล้ชิด


ศัพท์ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า

"thinking more than....spectolocomotif"

มีต้นกำเนิดจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พบได้ทั่วไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก

แต่ได้รับรายงานส่วนใหญ่ว่า
โรคนี้จะเกิดกับคนที่อ่อนแอทางจิตใจขั้นรุนแรง อาการเบื้องต้นของโรคนี้เริ่มจากเชื้อพาหะจะเข้ามาใกล้
สร้างความสนิทสนมกันตามประสาคนรู้จัก

แต่จะส่งผลถึงคลื่นไฟฟ้าในสมอง
ซึ่งจะแปรเปลี่ยนคลื่นความถี่จากความรู้สึกธรรมดาฉันท์เพื่อน พี่ น้อง ให้เป็นตามที่ใจตนเองต้องการ

ต่อจากนั้น เมื่อเชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว
จะกระจายตัวอย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาอันสั้น


ซึ่งจะแปรตามความสัมพันธ์ที่มีมากหรือน้อยระหว่างผู้รับเชื้อกับผู้แพร่เชื้อ
ยิ่งมีมาก เชื้อก็จะยิ่งแพร่กระจายได้ไกล

โดยที่สภาพอากาศมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ด้วย

ฤดูฝน มีคนโทรมาห่วงว่ากลัวจะเป็นหวัด : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 30%
ฤดูหนาว มีคนสัมผัสมือแก้หนาว : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 70%
ฤดูร้อน มีคนชวนไปเที่ยวทะเล : เชื้อโรคแพร่ไวขึ้น 25%

อาการของโรคนี้ โดยมากแล้วจะเริ่มจากการคิดเข้าข้างตัวเอง
จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอ่อนแอทางจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ

จะส่งผลกระทบต่อไปถึงชีวิตประจำวัน เช่น ตื่นสายเพราะมัวคุย

ทางองค์การอนามัยโลก
จัดให้เป็นโรคที่อันตรายอีกโรคหนึ่ง

เพราะได้มีผลกระทบต่อทั้งตัวผู้ติดเชื้อเอง
ทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลการวิจัยของสถาบันการแพทย์ชั้นนำ
ได้ข้อสรุปตรงกันว่า โรคแพ้ความใกล้ชิดนั้น

อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับตัวผู้รับเชื้อเอง
หากเกิดอาการอ่อนแอทางจิตใจยิ่งมีมากเท่าไหร่

อาการของโรคนี้ก็จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น

ผลกระทบจากโรคนี้คือ
เมื่อเชื้อโรคได้แพร่เข้าสู่หัวใจโดยทางเส้นเลือดนั้น
จะทำให้เกิดอาการท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง โทษตัวเอง น้อยใจชีวิต

ปัจจุบันนี้ ทางการแพทย์ยังไม่สามารถที่จะหาวัคซีนป้องกันได้
เพราะเนื่องจากเชื้อนี้เป็นไวรัส ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้

ทำให้โรคนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นๆ หายๆ
ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นอีกเมื่อไหร่ และจะหายเมื่อไหร่

ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่เกิดขึ้นว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด
แพทย์หลายท่านระบุว่า " เวลา"
จะเป็นยารักษาโรคนี้ได้ดีที่สุด